English
Newsletter 2008
|
จดหมายข่าว
ฉบับปี 2551 |
1 / 2551 มกราคม
- กุมภาพันธ์
|
>> สาส์นสมเด็จพระสันตะปาปาเบเนดิกต์ที่
16 วันผู้ป่วยสาากลครั้งที่16
>> สาส์นพระสังฆราชฯ
โอกาสวันผู้ป่วยสากล
>> ท่าทีการเยี่ยมผู้ป่วย
โอกาสวันผู้ป่วยสากล
>> ความคืบหน้างานผู้สูงอายุสังฆมณฑล
2550-2551
>> การจัดอบรมเรื่องกองทุนกู้ยืมเพื่อการพัฒนาคน
Micro-Finance
>> สถานการณ์โรคเอดส์ในประเทศไทย
|
|
การจัดอบรมเรื่องกองทุนกู้ยืมเพื่อการพัฒนาคน
Micro-Finance
|
เมื่อวันที่ 7-12 มกราคมที่ผ่านมานี้ คณะภคินีศรีชุมพาบาล
ร่วมกับคณะอนุกรรมการคาทอลิกเพื่อส่งเสริมงานเอดส์ ได้ร่วมกันจัดอบรมเรื่อง
กองทุนกู้ยืมเพื่อการพัฒนาคน Micro Finance ให้กับผู้แทนหน่วยงานและองค์กรที่ทำงานกับผู้ด้อยโอกาสหรือผู้ติดเชื้อฯ
จำนวน 35 คน ซึ่งมาจากประเทศเมียนมาร์ อินโดนีเซีย ลาว กัมพูชา เวียดนามและไทย
สาเหตุของการจัดอบรมครั้งนี้ก็เพื่อต้องการพัฒนาบุคลากรให้สามารถช่วยชาวบ้านได้อย่างยั่งยืน
|
เนื่องจากปัจจุบันการช่วยเหลือจากต่างประเทศจะลดลงเรื่อยๆ
ประกอบกับแนวคิดในการแบบมือขอไม่สามารถช่วยชาวบ้านให้พัฒนาตนเองและชุมชนได้
ประกอบกับคณะศรีชุมพาบาลได้ทำงานช่วยเหลือที่ยากจนมาเป็นเวลานานและเห็นว่าวิธีการที่จะช่วยเหลือชาวบ้านได้มากที่สุดก็คือ
การพยายามให้ความรู้และสนับสนุนให้เขามีส่วนร่วมในการช่วยเหลือตัวเองก่อน
ดังนั้นการอบรมเรื่อง Micro Finance หรือ Micro Credit จึงเป็นวิธีการเริ่มต้นที่ดี |
|
หลักการของ Micro Finance คือการจัดหาเงินทุนกู้ยืมขนาดเล็กเพื่อช่วยในการผลิต
หรือการบริโภค สำหรับผู้ที่ไม่สามารถกู้ยืมเงินจากธนาคารได้ เพราะความยากจน
ในขณะเดียวกันก็ต้องมีการให้การศึกษาอบรม และการสนับสนุนการบริการในด้านอื่นๆ
ร่วมทั้งการออมทรัพย์และการประกันด้วย
ในการอบรมนั้นจะเน้นว่า วิธีการนี้ไม่ใช่การให้ทุน เพราะฉะนั้นจะต้องพิจารณาผู้กู้ยืมด้วยว่า
เขามีความสามารถที่จะคืนเงินพร้อมดอกเบี้ยได้หรือเปล่า เพราะโดยปกติแล้วหน่วยงานคาทอลิกเราเคยช่วยเหลือโดยการให้เปล่า
แม้เมื่อชาวบ้านมาขอยืมเงินพร้อมทั้งสัญญาว่าจะคืนเงินให้ แต่ก็ไม่เคยได้คืน
ถ้าได้คืนก็ถือว่าเกิดมหัศจรรย์ขึ้นแล้ว ฉะนั้นจึงมีข้อคิดว่าคณะนักบวชหรือพระสงฆ์ควรที่จะดำเนินการด้านนี้โดยตรงหรือไม่
หรือควรที่จะจัดตั้งบริษัทหรือหน่วยงานขึ้นมาสักหน่วยงานหนึ่งเพื่อดำเนินการด้านธุรกิจนี้โดยตรง
โดยมีคณะนักบวชหรือพระสงฆ์ช่วยดูในเรื่องนโยบายที่ต้องการช่วยคนจนให้ช่วยตนเอง
และให้การศึกษาอบรมแก่ชาวบ้าน เพราะถ้าให้นักบวชหรือพระสงฆ์ทำแล้ว
ชาวบ้านอาจติดภาพที่ว่าเงินนี้เป็นเงินกองทุนที่คนทำบุญมา ฉะนั้นไม่จำเป็นต้องคืนก็ได้ |
|
นายราจัน ซามูแอล ซึ่งเป็นผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงสุดในการทำโครงการนี้
ปัจจุบันเป็นผู้จัดการด้านกองทุนเพื่อการสร้างบ้านระดับเอเชียแปซิฟิคขององค์กร
Habitat ท่านเป็นวิทยากรในการอบรมครั้งนี้ ท่านกล่าวว่าอยากเห็นองค์กรศาสนามาทำงานในด้าน
Micro Finance เพราะท่านเชื่อว่าเรามีความสามารถและประสิทธิภาพที่จะทำงานนี้
และท่านเชื่อว่าเราสามารถที่จะหาธนาคารหรือกองทุนที่จะมาช่วยเราได้
ท่านเองปาวารณาตัวที่จะเป็นที่ปรึกษาให้ แต่ที่สำคัญเราต้องไม่ลืมว่า
การจะทำงานนี้ไม่ใช่การทำโครงการ |
|
แม้การอบรมจะเสร็จสิ้นแล้วพร้อมกับความเข้าใจในเรื่องนี้ดีขึ้น
แต่การที่จะนำเอาสิ่งที่ได้รับไปดำเนินการนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ต้องมีการหาข้อมูลและเตรียมการกันอย่างเป็นขั้นตอนเพื่อให้เกิดความพร้อม
เพื่อให้โครงการนี้ยั่งยืน และเพื่อให้ชาวบ้านและชุมชนได้ประโยชน์สูงสุด
ตัวอย่างหรือแนวคิดการดำเนินงานเรื่อง Micro Finance ที่ประสบผลสำเร็จ |
|
1. คนจนต้องการความช่วยเหลือและบริการด้านการเงินในรูปแบบต่างๆ
ไม่เฉพาะแต่เรื่องการกู้ยืม ยกตัวอย่างเช่น การที่เขาได้รู้จักที่จะออมเงิน
ทำให้เขามีเงินเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกับการกู้เงิน แต่เสี่ยงน้อยกว่าและไม่ต้องค่าดอกเบี้ย |
2. การให้เงินกู้ยืมขนาดเล็ก Micro Credit ไม่ใช่เครื่องมือที่ดีที่สุดในทุกสถานการณ์
เมื่อชาวบ้านไม่มีกำลังด้านการเงินหรือไม่สนใจเรื่องนี้ ทำให้ไม่สามารถที่จะคืนเงินได้
การให้ทุนสนับสนุนอาจเป็นวิธีการช่วยเหลือที่ดีที่สุด |
3. การดำเนินการด้าน Micro Finance จะต้องใช้เงินทุนของมันเองในการดำเนินงานเพื่อให้ไปถึงสมาชิกในวงกว้าง
ในขณะเดียวกันก็จำเป็นที่จะต้องมีทุนสนับสนุนการบริการด้านอื่นๆ เช่น
การให้การอบรมศึกษาเพื่อพัฒนาแนวคิดและแนวทางการทำงานกับชาวบ้าน อย่าลืมว่าหลักการของ
Micro Finance คือเมื่อให้กู้ยืมไปแล้ว จะต้องสามารถเก็บเงินยืมคืนได้พร้อมดอกเบี้ย
ซึ่งกลุ่มจะเป็นผู้กำหนด |
4. Micro Finance เป็นแนวทางในการสร้างสถาบันการเงินที่เข้มแข็งให้แก่ชุมชน
โครงการระยะสั้นต่างๆ ที่ให้กู้ยืมเงินมักจะพบปัญหาการที่ชาวบ้านไม่คืนเงินและก่อให้เกิดความคิดที่ผิดๆ
แก่ชาวบ้านในการช่วยเหลือตนเอง และนี้เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โครงการ
Micro Finance ล้มเหลวตั้งแต่แรก |
5. เพดานดอกเบี้ยที่สูงทำให้คนจนไม่อยากที่จะกู้ยืม
การให้คนหนึ่งกู้ยืมเงิน 100,000 บาทนั้น จะเสียค่าใช้จ่ายน้อยกว่าให้คน
200 คน กู้คนละ 500 บาท ดังนั้นค่าดอกเบี้ยจะต้องสูงพอที่จะครอบคลุมการดำเนินงานด้านการกู้ยืมเงินของ
Micro Finance ซึ่งปกติแล้วก็จะมากกว่าดอกเบี้ยของธนาคาร อย่างไรก็ดีดอกเบี้ยของ
Micro Finance ก็ยังน้อยกว่านายทุนหน้าเลือดทั้งหลาย |
6. บทบาทของรัฐบาลในเรื่องนี้คือจะต้องช่วยให้บริการด้านการเงิน
ไม่ใช่เป็นผู้ให้เงินกู้ยืมเอง จากประสบการณ์สอนให้รู้ว่า โครงการกู้บืมเงินของรัฐบาลมักไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์แท้จริงกับชาวบ้าน
และการคืนเงินก็ค่อนข้างต่ำ และภายในปีหนึ่งโครงการนี้ก็ล้ม |
7. องค์กรทุนควรที่จะช่วยในการเพิ่มทุน
ไม่ใช่จะมาเปิดโครงการแข่งกัน พวกเขาต้องตระหนักและเคารพในการดำเนินการที่ชาวบ้านร่วมกันทำ |
BACK |