thnewsletter2-2551-3

จดหมายข่าว ฉบับปี 2551

2 / 2551 มีนาคม - เมษายน 2551

>> ประกาศรายชื่อ "ลูกกตัญญู" "ผู้สูงอายุคาทอลิกตัวอย่าง" ประจำปี 2551

>> คณะกรรมการผู้สูงอายุสังฆมณฑลราชบุรี เดินหน้างานผู้สูงอายุ

>> บทความ "อนาคตของโลก อยู่ในกำมือผู้สูงวัย"

>> หน่วยงานคาทอลิกที่ทำงานด้านเอดส์ ยืนยันทำงานแบบเครือข่าย

บทความ "อนาคตของโลก อยู่ในกำมือผู้สูงวัย"

ประเทศไทยเริ่มมีการรณรงค์จัดงานวันผู้สูงอายุแห่งชาติเป็นครั้งแรกตั้งแต่ปี 2526 นับแต่นั้นเป็นต้นมา วันที่ 13 เมษายนของทุกปี ทุกภาคส่วนในสังคมไทยต่างจัดให้มีกิจกรรมพิเศษขึ้นเพื่อผู้สูงอายุ เพื่อรณรงค์ให้สังคมตระหนักในคุณค่า ทั้งยังเป็นโอกาสแสดงความกตัญญูกตเวทีต่อผู้สูงอายุในฐานะเป็นปูชนียบุคคล ที่ได้ประกอบคุณงามความดีและทำคุณประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน และประเทศชาติมาตลอดช่วงชีวิต ทั้งเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สูงอายุได้แสดงศักยภาพในฐานะเป็นผู้ทรงภูมิปัญญา มีภูมิความรู้ และมีประสบการณ์ที่หลากหลาย

ผู้สูงอายุทุกคนเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาชาติบ้านเมือง แต่ในความเป็นจริงขณะนี้มีผู้สูงอายุจำนวนหนึ่งกำลังทุกข์ยากลำบากอยู่ตามลำพัง โดยข้อมูลของสำนักงานสถิติแห่งชาติปี 2549 ระบุว่าพบผู้สูงอายุต้องอยู่คนเดียวมากถึง 459,149 คนหรือ 7.1% ของผู้สูงอายุทั่วประเทศ จากผู้สูงอายุทั่วประเทศที่มีอยู่ประมาณ 6 ล้าน 4 แสนคน

ประชากรสูงวัยในประเทศไทย

ในช่วง 20-30 ปีที่ผ่านมาจำนวนประชากรอายุต่ำกว่า 15 ปีลดลง ในขณะที่จำนวนประชากรในวัยแรงงานอายุ 15-29 ปียังคงเพิ่มขึ้น ส่วนประชากรที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปมีจำนวนและสัดส่วนมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในอนาคตประชากรสูงอายุจะเพิ่มจากประมาณ 5 ล้านคนในปัจจุบันเป็นประมาณ 10 ล้านคนในอีก 20 ปีข้างหน้า อัตราเพิ่มของประชากรสูงอายุเร็วกว่าประชากรโดยรวมทั้งหมด ดังเห็นได้จากปี 2523 ถึงปี 2533 ประชากรสูงอายุจะเพิ่มเป็นร้อยละ 47 และนับจากปี 2533 ไปจนถึงปี 2563 คาดว่าประชากรสูงอายุจะเพิ่มสูงถึงกว่าร้อยละ 300

สาเหตุของการเพิ่มจำนวนประชากรสูงอายุอย่างรวดเร็ว เป็นเพราะภาวะเจริญพันธุ์ที่เคยสูงในอดีตและภาวะการตายที่ลดลงเป็นลำดับอย่างต่อเนื่องนับแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นต้นมา ทำให้ประชากรในรุ่นที่เคยเป็นเด็ก ซึ่งเกิดมาเป็นจำนวนมากในอดีต ได้ค่อยๆ ทยอยเข้าสู่วัยแรงงานและวัยสูงอายุในที่สุด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความเจริญทางการแพทย์สมัยใหม่ อีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจทำให้บุคคลมีรายได้สามารถในการดูแลสุขภาพมากขึ้น

คุณภาพชีวิตผู้สูงอายุในอนาคต
ประชากรผู้สูงอายุในปัจจุบันยังมีจำนวนมากที่ไม่รู้หนังสือเป็นต้นในเพศหญิง ซึ่งการศึกษามีส่วนสะท้อนถึงคุณภาพการดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัว รวมไปถึงมีผลต่อค่านิยมและแนวคิด เพราะผู้สูงอายุในอนาคตที่มีการศึกษาดีขึ้น มีแนวโน้มที่จะเลือกใช้ชีวิตอยู่กันเองตามลำพังมากกว่าจะอาศัยอยู่กับลูกหลาน

ปัญหาสำคัญที่ผู้สูงอายุไทยประสบคือ ปัญหาทางเศรษฐกิจและสุขภาพเกือบครึ่งหนึ่งของผู้สูงอายุไทยมีรายได้ไม่พอเลี้ยงชีพ นอกจากนี้ยังพบว่าภาวะการเจ็บป่วยของผู้สูงอายุเป็นเหตุผลสำคัญประการหนึ่งที่ทำให้ผู้สูงอายุไม่สามารถทำงานหาเลี้ยงชีพได้ ดังนั้นการที่ประชากรไทยมีชีวิตยืนยาวขึ้นไม่ได้หมายถึงว่ามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นด้วย และด้วยภาวะเศรษฐกิจในขณะนี้ทำให้ครอบครัวต้องปล่อยให้ผู้สูงอายุอยู่บ้านตามลำพัง

ด้วยแนวโน้มที่อัตราประชากรผู้สูงอายุในอนาคตเพิ่มสูงขึ้นซึ่งในจำนวนนั้นก็คือเราแต่ละคนที่ต้องสูงอายุขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงจำเป็นที่สมาชิกในครอบครัวต้องให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและสุขภาพใจของผู้สูงอายุเป็นสำคัญ ขณะเดียวกันควรรณรงค์ให้สมาชิกในครอบครัวรักษาสุขภาพของตนองให้แข็งแรง ลดโอกาสที่จะเจ็บป่วยให้น้อยที่สุด เพื่ออนาคตสังคมไทยจะมีประชากรสูงวัยที่มีคุณภาพคอยดูแลกันและกันต่อไป