|
|
แนวคิดของพระศาสนจักรในเรื่องผู้สูงอายุ
|
|
ซิสเตอร์นงลักษณ์
นันทวานิช ภคินีคณะผู้รับใช้คนป่วยแห่งนักบุญคามิลโลได้พูดถึงแนวคิดของพระศาสนจักร
ในเรื่องผู้สูงอายุ โดยสรุปเอกสารจดหมายของสมเด็จพระสันตะปาปายอห์น
ปอลที่ 2 ที่ เขียนถึงผู้สูงอายุ และเอกสาร เรื่องศักดิ์ศรีของผู้สูงอายุ
สาระสำคัญมีดังนี้
|
ในสายตาของสมเด็จพระสันตะปาปาและของพระศาสนจักร
ผู้สูงอายุ คือใคร ?
|
"ผู้สูงอายุ คือ ผู้ที่โชคดีและได้รับพระพร"
พระสันตะปาปาทรงเริ่มต้นจดหมายโดยใช้บทสดุดีที่
90 กล่าวไว้ว่า ผู้สูงวัยที่อายุ 70 หรือ 80 หรือคนที่มีอายุเกินกว่านี้และในฐานะที่พระองค์เองก็เป็นผู้สูงอายุด้วย
สิ่งแรกที่จะต้องทำก็คือ ขอบคุณพระเป็นเจ้า โมทนาคุณพระองค์สำหรับพระพรและโอกาสที่ทรงประทานให้อย่างอุดมมาจนถึงปัจจุบัน
เมื่อมองดูชีวิตของพระสันตะปาปา จะพบว่าพระองค์มีความยากลำบากมาโดยตลอดแม้เมื่อมาเป็นพระสงฆ์
พระสังฆราช และพระสันตะปาปา กระนั้นก็ดีพระองค์ยังมองดูว่า
เมื่อทรงมีอายุถึงขนาดนี้ก็ถือว่าเป็น โชคดีและเป็นพระพรของพระเป็นเจ้า
ผู้สูงอายุเป็นคนที่ถูกสร้างมาตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า
ทรงกล่าวว่าแม้จะอยู่กับความเป็นจริงที่บิดเบี้ยวไปบ้าง
และความบิดเบี้ยวที่พระองค์หมายถึงก็คือ สภาพร่างกายที่เปลี่ยนแปลงทรุดโทรมลงไป
ซึ่งพระองค์เองทรงยอมรับสิ่งเหล่านั้นได้ เห็นได้จากหลายครั้งที่มีผู้ไปเข้าเฝ้า
พระองค์จะเล่นกับเขาด้วยความอิ่มอกอิ่มใจ แสดงว่าทรงรับสภาพความเป็นจริงที่บิดเบี้ยวแบบนี้ได้
ทรงตรัสว่า ผู้สูงอายุ เป็นคนที่ถูกสร้างมาตามภาพลักษณ์ของพระเจ้า
แม้ว่าจะอยู่กับความเป็นจริงที่บิดเบี้ยวไปบ้าง แต่วัยสูงอายุก็คืออีกจังหวะหนึ่งของชีวิต
ซึ่งมีความสง่างาม มีศักดิ์ศรีและมีหน้าที่เฉพาะตน ถ้าเราดูตัวอย่างของผู้สูงอายุที่ใช้ชีวิต
อยู่อย่างสง่างามมีศักดิ์ศรีและทำหน้าที่ที่พระเจ้ามอบหมายให้อย่างดี
ก็มีอยู่หลายท่านด้วยกัน เช่น
อับราฮัม เมื่อพระเจ้าเรียกอับราฮัมให้ออกจากแผ่นดินของตัวเอง
ขณะนั้นอับราฮัมมีอายุมากแล้ว เรารู้จักอับราฮัมว่าเป็นผู้ที่มีอายุยืนยาวและได้รับพระพรจากพระเจ้า
ถูกเรียกมาให้เป็นบิดาของชนชาติที่ยิ่งใหญ่
โมเสส เมื่อได้รับมอบหมายภารกิจจากพระเป็นเจ้าให้เป็นผู้นำประชากรที่ทรงเลือกสรรให้ออกจากประเทศอียิปต์ไปดินแดนพันธสัญญานั้น
โมเสส มีอายุมากแล้ว
โตเบีย เป็นคนที่นอบน้อมถ่อมตัว ยึดมั่นในบัญญัติของพระเจ้าอย่างกล้าหาญ
คอยช่วยเหลือเพื่อนพี่น้องที่ตกทุกข์ได้ยากจนกระทั่งร่างกายพิการตาบอด
ด้วยความอดทน
ในพระธรรมใหม่ก็มีผู้สูงอายุหลายท่านที่มีบทบาทในแผนการณ์ของพระเจ้า
เช่น เซคาริยาห์ กับ นางเอลิซาเบ็ธ บิดามารดาของ ยอห์น
บัพติส
ผู้เฒ่าซีเมออน และ นางอันนา ผู้สูงอายุที่ใช้ชีวิตสวดภาวนาอยู่ในพระวิหาร
รอคอยที่จะได้เห็นพระเมสซิอาห์ และเป็นผู้ที่บอกว่า เวลานี้ข้าพเจ้าเป็นสุขที่ได้เห็นพระเยซูเจ้า
นักบุญเปโตร ผู้ซึ่งพระสันตะปาปาทรงขีดเส้นใต้ไว้ว่า นักบุญเปโตรก็ได้รับเรียกให้มาเป็นประจักษ์พยานความเชื่อโดยการเป็นมรณสักขีตอนที่ท่านอายุมากแล้ว
เราคงจำได้ ในพระวรสารพระเยซูเจ้าตรัสกับนักบุญเปโตรว่า เมื่อเจ้ายังหนุ่มเจ้าคาดเอวด้วยตัวของเจ้าและเดินไป
ที่ไหนๆ ได้ตามที่เจ้าปรารถนา แต่เมื่อเจ้าแก่แล้ว เจ้าจะเหยียดมือของเจ้าออกและคนอื่นจะคาดเอวเจ้าและพาเจ้าไปในที่ที่เจ้าไม่ปรารถนาจะไป
แล้วนักบุญเปโตรในวัยชราก็ถูกเขาพาออกไปเป็นมรณสักขีด้วยการตรึงกางเขน
พระสันตะปาปาทรงซาบซึ้งในพระวรสารตอนนี้มาก
โดยเฉพาะตอนที่พระเยซูเจ้าบอกกับนักบุญเปโตรว่า เวลาแก่เจ้าจะถูกนำไปในที่ที่เจ้าไม่ปรารถนาจะไป
พระองค์ซาบซึ้งใจในฐานะที่ดำรงตำแหน่งต่อจากนักบุญเปโตร ทำให้ท่านรู้สึกอย่างแรงกล้าว่าจำเป็นต้องยื่นมือออกไปเพื่อยึดกุมพระหัตถ์ของพระคริสต์ด้วยความนอบน้อมเชื่อฟังคำสั่งของพระคริสต์ว่า
จงตามเรามา
|
ปัจจุบันอะไรที่ผลิตได้มีประโยชน์ก็มีความหมาย
มีคุณค่า บิดเบือนไปจากคุณค่าและความหมายที่แท้จริง ของชีวิต พระสันตะปาปาบอกว่าถ้าท่านจะมองเห็นคุณค่าของผู้สูงอายุ
ก็จะช่วยให้ท่านมองเห็นคุณค่าของชีวิตท่าน ท่านสามารถให้ได้ในสิ่งที่ท่านมีและสิ่งที่ท่านเป็น
ความทรงจำ ภูมิปัญญา ความเชื่อ ตัวอย่างที่ดีในการน้อมรับน้ำพระทัยของพระเจ้า
และที่สำคัญก็คือการพลีกรรม และคำภาวนาซึ่งพระสันตะปาปาทรงเปรียบเทียบไว้ว่า
เปรียบได้กับขุมทรัพย์อันประมาณค่ามิได้ ที่พระศาสนจักรสามารถนำมาใช้ได้อย่างไม่รู้จักหมดสิ้น
สิ่งนี้ซิสเตอร์สนับสนุนว่าเป็นความคิดที่เป็นจริง (ซิสเตอร์ทำงานที่บ้านเบธานีซึ่งเป็นบ้านพักผู้สูงอายุ
เราอยู่ที่บ้านโป่งซึ่งมีอารามซิสเตอร์ชีลับ พวกเราทราบดีว่าคนไหนที่เดือดร้อน
มีความทุกข์ยากในชีวิต มักจะไปหาชีลับเพื่อขอคำภาวนาที่บ้านเบธานีมีคนที่เดือดร้อนสารพัดมาขอคำภาวนาจากผู้สูงอายุ
คนต่างศาสนาก็มาขอคำภาวนา บอกว่ามาที่นี่แล้วสบายใจ และรู้สึกว่าได้รับความช่วยเหลือ)
การพลีกรรมจากการยอมรับความทุกข์ทรมานจากสภาพที่ร่วงโรยไป มีผลมาก เป็นขุมทรัพย์ที่ใช้ไม่รู้จักหมด
ในฐานะที่เป็นผู้รับ
ผู้สูงอายุเหมือนกับว่าเป็นวัยที่มีความสับสน มีความอ่อนแอ มีความอ่อนโรยเหน็ดเหนื่อย
ไม่แน่ใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อได้รับความยากลำบาก ถูกทอดทิ้ง ไม่ได้รับการยอมรับ
ฉะนั้นผู้สูงอายุ ต้องการการค้ำจุนจากเรา จากลูกหลาน จากสังคมทั้งในเรื่องฝ่ายร่างกายและชีวิตจิต
การอภิบาลผู้สูงอายุ
พระศาสนจักรบอกว่า เป็นหน้าที่ของทุกคนของทุกฝ่าย เริ่มตั้งแต่บุคคลในครอบครัวเดียวกันที่จะต้องให้การดูแลเอาใจใส่และกำลังใจ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของความเจ็บป่วยและความรัก ถ้าเราได้ศึกษาในจดหมายของพระสันตะปาปา
พระองค์ท่านกล่าวว่า ข้าพเจ้าก็เป็น ผู้สูงอายุ และข้าพเจ้าก็รู้สึกว่าเหงา
ว้าเหว่อยู่เหมือนกัน ในความเหงาของชีวิตที่สูงวัยแล้ว ทำอะไรไม่ ค่อยได้แล้วมีความปรารถนาในสิ่งที่ผู้สูงอายุต้องการ
ซึ่งในความเหงามันเป็นธรรมชาติ นอกจากนั้นพระศาสนจักร ในเรื่องการดูแลชีวิต
ก็ต้องให้ผู้สูงอายุเป็นส่วนหนึ่งของ พระศาสนจักรและให้มีส่วนร่วมในศีลต่างๆ
โดยเฉพาะ อย่างยิ่งการส่งศีลให้กับผู้สูงอายุตามบ้านและให้กำลังใจ
งานอภิบาลของพระศาสนจักรเป็นเรื่องที่สำคัญ
พระสันตะปาปาสรุปงานอภิบาลผู้สูงอายุว่า ต้องตั้งอยู่บนรากฐานของชีวิต
ความหมายและเป้าหมายของชีวิต ปกป้องเป้าหมายของชีวิต พูดถึงเป้าหมายของชีวิตพระดำรัสของพระองค์พูดถึงชีวิตของพระองค์เอง
จะเห็นชัดถึงเป้าหมายของชีวิตว่า ข้าพเจ้ารู้สึกต้องการแบ่งปันความรู้สึกของข้าพเจ้าเองในช่วงวาระนี้ของข้าพเจ้า
หลังจากระยะเวลากว่า 20 ปีที่ทำหน้าที่บนบังลังก์ของนักบุญเปโตร แม้ว่าจะมีข้อจำกัดที่เกิดจากอายุ
แต่ข้าพเจ้าก็ยังคงชื่นชมชีวิต ด้วยเหตุนี้ข้าพเจ้าจึงโมทนาคุณพระเป็นเจ้า
นับว่าเป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยมที่สามารถถวายตัวเองจนถึงวาระสุดท้ายเพื่อพระอาณาจักรของพระเจ้า
เป็นสิ่งที่ยอดเยี่ยม ไม่มีอะไรดีกว่านี้แล้วที่สามารถถวายตัวเองจนถึงวาระสุดท้ายเพื่อพระอาณาจักรของพระเจ้า
ในเวลาเดียวกัน ข้าพเจ้าก็พบสันติสุขในการคิดถึงวันเวลาเมื่อพระเจ้าทรงเรียกข้าพเจ้าจากชีวิตหนึ่งไปสู่อีกชีวิตหนึ่ง
ข้าพเจ้าจึงมักพบว่าตัวเองสวดภาวนาโดยไม่มีร่องรอยแห่งความหดหู่แต่ประการใด
นี้คือผู้สูงอายุท่านหนึ่งที่เป็นนายชุมพาบาล แบ่งปันการมองชีวิตที่ยืนยาวถึง
80 ปี
|
|
สรุป |
ผู้สูงอายุเป็นของขวัญของพระเจ้า
โดยพระสันตะปาปากล่าวว่า ผู้สูงอายุช่วยให้เรามองเห็นชะตาชีวิตของมนุษย์ด้วยปัญญาที่กว้างไกลเพราะความเปลี่ยนแปลงต่างๆ
ในชีวิตทำให้ก่อเกิดความรู้และวุฒิภาวะ พวกท่านเป็นผู้พิทักษ์คนส่วนใหญ่ในโลก
ดังนั้นพวกท่านจึงเป็นผู้ที่แปลความหมายองค์ความรู้ซึ่งจะช่วยบุตรและชี้นำสังคมได้ดีกว่า
การเพิกเฉยต่อผู้สูงอายุก็คือการปฏิเสธอดีต
เพราะอดีตเป็นรากฐานที่มั่นคงของปัจจุบัน การที่เราอยู่ได้ในวันนี้ถ้า
..
ไม่มีอดีต ปัจจุบันก็ไม่มีมา |
|
|