|
พระศาสนจักรสากลช่วยเหลือเด็กกำพร้าไทยที่ติดเชื้อเอชไอวี |
คณะอนุกรรมการคาทอลิกเพื่อส่งเสริมงานเอดส์
จัด "โครงการพัฒนาศักยภาพเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์"
(A Project on Care and Empowerment of Orphans Living with HIV/AIDS
) เพื่อช่วยเหลือหน่วยงานคาทอลิกที่มีศูนย์สงเคราะห์เด็กกำพร้าที่ติดเชื้อเอชไอวีฯ
ทั่วประเทศไทย
โครงการพัฒนาศักยภาพเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อฯ เริ่มจากที่คณะอนุกรรมการฯ
เพื่อส่งเสริมงานเอดส์ ได้รวบรวมข้อมูลเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อไอวีจากหน่วยงานคาทอลิกที่จัดบ้านพักสำหรับเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อฯ
เมื่อปี พ.ศ.248 และจัดทำเป็นโครงการส่งไปขอการสนับสนุนจากองค์กรคาทอลิกต่างๆ
ทั่วโลกเพื่อให้เด็กกำพร้าฯ ได้รับยา อาหาร การดูแล และการศึกษาที่เหมาะสมกับวัยและสุขภาพ
โดยมี เป้าหมาย : เพื่อให้เด็กกำพร้าที่ติดเชื้อเอชไอวีที่อยู่ในความดูแลของหน่วยงานคาทอลิกมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
และสามารถอยู่ในสังคมได้อย่างปกติ
บาทหลวงโจวันนี คอนตาริน ประธานคณะอนุกรรมการฯ เพื่อส่งเสริมงานเอดส์
เป็นผู้รับผิดชอบโครงการ สำหรับวัตถุประสงค์หลักของโครงการคือ 1.เพื่อพัฒนาศักยภาพเด็กที่ติดเชื้อฯ
ให้สามารถอยู่ในสังคมได้ 2.เพื่อเป็นสถานที่สาธิตด้านการดูแลรักษาให้กับหน่วยงานที่ทำงานด้านพัฒนาเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อฯ
3.เพื่อเป็นตัวอย่างการทำงานตามคำสอนของศาสนาคาทอลิก
จากการติดต่อประสานงานกับองค์กรทุนต่างประเทศ ผลคือ ได้รับความช่วยเหลือจาก
คารีตัสเกาหลี คารีตัสอิตาลี คารีตัสสเปน โดยให้การสนับสนุนตลอด โครงการเป็นเวลา
3 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2550-2552
สำหรับหน่วยงานคาทอลิกที่ได้รับการสนับสนุนคือ 1.บ้านมิตราทร เชียงใหม่
2.โครงการมารดาและทารก บ้านสุขฤทัย กรุงเทพฯ 3.คามิลเลียน โซเชียล เซนเตอร์
ระยอง 4. บ้านลอเรนโซ ชลบุรี 5.โครงการอภิบาลผู้ติดเชื้อและผู้ป่วยเอชไอวี
กาฬสินธุ์ 6.มูลนิธิสุธาสินีน้อยอินทร์ เพื่อเด็กและเยาวชน ยโสธร รวมเด็กกำพร้าในโครงการจำนวน
152 คน
ประธานคณะอนุกรรมการฯ กล่าวว่า "เหตุผลที่องค์กรทุนต่างประเทศให้การสนับสนุนโครงการนี้เป็นเพราะ
1.เป็นหน่วยงานภายใต้สภาพระสังฆราชคาทอลิกแห่งประเทศไทย ที่ทำงานด้วยจิตตารมณ์ความรักตามแบบพระวรสาร
2. มีการทำงานเป็นเครือข่ายอย่างเป็นระบบ และมีการสรุปบทเรียนการทำงาน
ดังนั้นการบริหารเงินจำนวนนี้จะต้องไปถึงเด็กกำพร้าที่ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ตามที่โครงการเขียนไปและตามที่องค์กรทุนระบุ"
โครงการจะเริ่มต้นตั้งแต่เดือนมกราคม 2550 เป็นต้นไป และจะมีการประชุมผู้ประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุก
2 เดือน เพื่อติดตามประเมินงาน |
|
|